หน้าแรก
ราคาทองคำ
ราคาทองประจำวัน
การปรับเปลี่ยนระหว่างวัน
ราคาทองคำถัวเฉลี่ย
คำนวณภาษีร้านทอง
กราฟต่างประเทศ
เกี่ยวกับ
เกี่ยวกับสมาคม
ประวัติสมาคม
คณะผู้บริหาร
ทำเนียบสมาชิก
การสมัครสมาชิก
ข้อบังคับ, คำสั่ง, ประกาศ
วันหยุดประจำปี
วารสารทองคำ
ติดต่อสมาคม
เกี่ยวกับทองคำ
ประวัติศาสตร์ทองคำ
คุณสมบัติและประโยชน์
ประเภทของสินค้า
ช่องทางตรวจสอบราคา
คำถามที่พบบ่อย
บทความ
ข่าวสารกิจกรรมสมาคม
บทความที่น่าสนใจ
ข่าวราคาทองคำ
กระดานสนทนา
ดาวน์โหลด
รายงานวิจัยทองคำ
วารสารทองคำ
สัมมนา-ฝึกอบรม
*** หมายเหตุ : ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณ ตามหลักเกณฑ์ สคบ.กำหนดให้ร้านทองสามารถหักได้ไม่เกิน 5% จากราคาทองคำแท่งรับซื้อในวันนั้น ๆ ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีซื้อ-ขายร้านเดิมเท่านั้น ***
คำถามที่พบบ่อย
ทำไมเวลาเอาทองคำแท่งไปขายคืนร้านทองกลับได้ราคาไม่ตรงกับที่สมาคมประกาศ?
เนื่องจากร้านทองค้าปลีกทั่วไปไม่ได้เป็นผู้ผลิตทองคำแท่งเอง โดยจะต้องเดินทางไปซื้อทองจะแหล่งผลิตเช่น เยาวราช หรือ บ้านหม้อ มาจำหน่ายให้กับลูกค้าของตน โดยซื้อในราคาที่สมาคมประกาศเช่นเดียวกัน ดังนั้น ร้านทองค้าปลีกจึงจำเป็นต้องบวกค่าใช้จ่ายการขนส่งการเดินทาง ค่าความเสี่ยงภัย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงกำไรจากการจำหน่ายทองแท่งก่อนนั้นๆลงไปด้วย ซึ่งโดยปกติคิดอยู่ที่ 50 - 100 บาท ต่อทองคำแท่ง 1บาท หรือบางที่อาจคิดถึง 200 บาท ต่อทองคำแท่งหนึ่งบาท เช่นร้านที่อยู่ในต่างจังหวัดไกลๆ ที่ต้องนั่งเครื่องบินมาซื้อที่กรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการบริการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ที่หากต้องเดินทางมาซื้อถึงแหล่งผลิตเองอาจจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายก็เป็นได้ ในทำนองเดียวกัน เมื่อลูกค้านำทองคำแท่งมาขายคืนร้านค้า ทางร้านก็ต้องนำทองกลับมาขายคืนให้ร้านขายส่งเช่นกัน จึงจะต้องการคิดค่าใช้จ่ายทั้งขาซื้อและขาย
เราจะทราบราคาทองในแต่ละวันได้จากที่ไหน?
ท่านสามารถตรวจสอบราคาทองได้ทางเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ www.goldtraders.or.th หรือ ทางโทรศัพท์อัตโนมัติ 0-2020-9000 กด1
ทองรูปพรรณ99.99%ต่างกับ96.5%อย่างไรและทองรูปพรรณ99.99%หาซื้อได้ที่ไหน ?
ทองรูปพรรณ99.99%ต่างกับทองรูปพรรณ96.5% คือเรื่องความบริสทธิ์ของทองคำและราคา ซึ่งทองรูปพรรณ99.99%ไม่สามารถทำรูปพรรณชิ้นเล็กได้ เนื่องจากทองเปอร์เซ็นต์สูงมีความอ่อนนิ่มเกินไป จึงเห็นทองรูปพรรณ99.99%ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก การซื้อขายจากร้านทองบางแห่งก็มี แต่ส่วนใหญ่มาตรฐานทองไทยคือ96.5%
ซื้อทองดูอย่างไรว่า%ไม่ต่ำหรือไม่ใช่ทองปลอม ?
การเลือกซื้อทองควรซื้อกับร้านทอง ซึ่งมีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง เพราะมีกฎหมายว่าด้วยฉลาก สคบ.ควบคุมอยู่ แต่วิธีดูทองต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งมีวิธีการดูทองดังนี้ 1)ดูจากภายนอกโดยดูจากความสมดุลระหว่างน้ำหนัก กับขนาดของเส้น 2)วิธีการเผาไฟ วิธีสามารถเช็คได้ว่า %ทองเป็นอย่างไร โดยมีข้อสังเกตจากการเผาไฟ ถ้าเผาแล้วตัวสร้อยเปลี่ยนเป็นสีเขียว หรือออกดำแสดงว่า%ต่ำมีส่วนผสมอื่นเจือปน 3)วิธีการเช็ค%ทองด้วยเครื่องมือเอ็กซเรย์วิธินี้ เป็นวิธีที่ไม่ทำให้สินค้าเสียหายและทราบว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ความแม่นยำขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่อง 4)วิธีการถ่วงจำเพาะ โดยใช้เครื่องวัดความถ่วงจำเพาะหาค่าความหนาแน่น หรือ ความถ่วงจำเพาะ และเทียบว่าเป็นโลหะชนิดใด 5)การ Fire Assay หมายถึงการตรวจสอบทองโดยว่าวิธีหลอมละลายเพื่อให้เนื้อทองผสมเฉลี่ยเป็นเนื้อเดียวกัน และนำไปตรวจพิสูจน์เปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทองคำ ซึ่งเป็นวิธีที่มีผลคลาดเคลื่อนในการตรวจสอบน้อยที่สุด
Gold Futures คืออะไร ?
การซื้อขายทองคำล่วงหน้า ซึ่งมีตลาด TFEX เป็นตลาดกลาง การซื้อขายเป็นการจับคู่กันเองระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มีการคำนวณผลกำไรขาดทุนทุกสิ้นวันทำการ ยกเว้น วันก่อนวันสุดท้าย ของวันทำการ จะคำนวณราคา Gold Futures จากราคาทองLondon Am Fix กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ ราคาปิด ทั้งนี้ ในช่วงแรกจะไม่มีการส่งมอบทองจริง แต่ปัจจุบัน ทาง TFEX ได้พัฒนาการซื้อขายให้นักลงทุนสามารถขอรับทองคำจริงได้แล้ว (ตามเงื่อนไขของ TFEX)
ราคาทองมีการปรับขึ้นลงวันละกี่ครั้ง เวลาใดบ้าง ?
การปรับราคาขึ้นอยู่กับราคาทองในตลาดโลก ซึ่งเป็น real time บางวันอาจจะมีราคาเดียว หรือบางวันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งก็ได้ และไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน ราคาทองในตลาดโลกมีการขึ้นลงตลอดเวลา สำหรับในประเทศไทย ราคาทองจะถูกกำหนดและประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ โดยราคาจะประกาศครั้งแรกในช่วงเวลาประมาณ 9.20 - 9.40 น. ของแต่ละวัน
หากไปขายทองรูปพรรณคืนร้านทอง จะมีหลักเกณฑ์ในการรับซื้อทองรูปพรรณคืนอย่างไร ?
หลักเกณฑ์ตามประกาศของ สคบ. การรับซื้อคืนทองรูปพรรณของร้านค้าทอง คือ หัก 5 % จากราคาทองคำแท่งรับคืนประจำวันที่สมาคมประกาศ ซึ่งจะมีการติดประกาศราคารับซื้อคืนทองคำรูปพรรณอยู่หน้าร้านทองทุกแห่ง
จะซื้อทองร้านไหนจึงจะมีมาตรฐานทองที่ดี ?
ปัจจุบัน ร้านทองจะได้รับการรับรองมาตรฐานจาก สคบ. ซึ่งควบคุมโดยกฎหมายว่าด้วยฉลาก โดยร้านทองทุกแห่งจะต้องติดฉลากตามถาดแต่ละถาด ซึ่งจะมีรายละเอียดเรื่องของน้ำหนัก เปอร์เซ็นต์ทอง ค่าแรง ชนิดสินค้า ระบุไว้อย่างชัดเจน รวมถึง สคบ. ได้ดำเนินการควบคุณมาตรฐานร้านทองผู้ผลิต ให้ผลิตทองที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้สินค้าที่ส่งไปขายทั่วประเทศเป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นการดำเนินการควบคุมต้นน้ำ ดังนั้น ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าซื้อทองร้านไหนก็ได้มาตรฐานเดียวกัน คือ 96.5%
การลงทุนในทองคำ ควรเลือกลงทุนในทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ?
ขึ้นอยู่ความต้องการใช้งาน ว่าต้องการซื้อเพื่อเป็นการเก็บออม หรือการลงทุน หากเป็นการลงทุน ควรซื้อเป็นทองคำแท่ง เพราะมีส่วนต่างซื้อเข้าขายออกบาทละ 100 บาท ไม่มีค่ากำเหน็จ แต่หากต้องการซื้อเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับ และออมทรัพย์ไปในตัว ควรซื้อเป็นทองรูปพรรณ ซึ่งจะมีค่ากำเหน็จหรือค่าแรง แล้วแต่ลวดลาย
ราคาทองของไทยกำหนดจากตลาดใด ?
ราคาทองของไทยกำหนดจากราคาทองในตลาดโลก ณ ช่วงเวลานั้นๆ หรือเรียกว่าราคา Gold spot โดยจะอิงจากทุกตลาดมารวมกัน แล้วจึงนำมาคำนวณกับค่าเงินบาทที่เป็น real time เช่นกัน ดังนั้นการกำหนดราคาทองจะไม่ได้ยึดตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นราคาอ้างอิง แต่เป็นราคาตลาดโลก
ปัจจัยใดที่ทำให้ราคาทองขึ้นลง ?
ราคาทองในตลาดโลก และค่าเงินบาท ซึ่งทั้ง2ปัจจัยนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดนั้น จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของโลก อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ฯลฯ
"ค่ากำเหน็จ" คืออะไร ?
"ค่ากำเหน็จ" คือ ค่าการตลาดของผู้ประกอบธุรกิจร้านทอง ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าผลิตทองคำรูปพรรณให้เป็นแบบลวดลายต่าง ๆ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการผลิตชิ้นงานรูปพรรณนั้น ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายบริหารจัดการร้าน เช่น ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าบริหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ และ รวมกำไรจากการค้า ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในค่ากำเหน็จ . โดย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาค่าเหน็จแนะนำไว้ที่ขั้นต่ำ 500 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งราคานี้ไม่เป็นการบังคับ การขายแพงหรือถูกกว่านี้ก็สามารถทำได้ เนื่องจากต้นทุนของแต่ละชิ้นงานราคาไม่เท่ากัน ต้นทุนการบริหารจัดการของแต่ละร้านก็ย่อมไม่เท่ากันเช่นกัน . ตัวอย่างเช่น ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท จะมีค่ากำเหน็จอยู่ที่ 500 บาท (หรืออาจสูงกว่านี้ ขึ้นกับลวดลายทอง) ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 2 บาท จะมีค่ากำเหน็จอยู่ที่ 1,000 บาท . ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 25 สต. จะมีค่ากำเหน็จอยู่ที่ 500 บาท ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 50 สต. จะมีค่ากำเหน็จอยู่ที่ 500 บาท