มาต่อกันที่ 10 อันดับสุดยอดพระเครื่องเนื้อทองคำ ที่ผ่านมา คุณพิศาล เตชะวิภาค หรือ “อาจารย์ต้อย เมืองนนท์” รองนายกสมาคม ผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คนที่ 1 และยังเป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ ได้ให้ข้อมูลกับ สุดยอดพระเครื่องเนื้อทองคำ ไปแล้ว 8 อันดับ เราจะมาดู 2 อันดับสุดท้ายว่าจะเป็นองค์ไหน
เหรียญหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
อันดับ 9 ได้แก่ เหรียญหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี สร้างเมื่อปี 2510 สำหรับพระราชสังวราภิมณฑ์ หรือ หลวงปู่โต๊ะ ได้ศึกษาพระธรรมและพุทธาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมายรวมถึงพระภาวนาโกศลเถระ หรือ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณทางวิทยาคมของ “หลวงปู่โต๊ะ” ขจรขจายไปทั่ว ซึ่งท่านได้เริ่มสร้างวัตถุมงคล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2450 อาทิ พระสมเด็จพิมพ์ขาโต๊ะ พระสมเด็จแหวกม่าน พระพิมพ์เม็ดบัว พระกริ่ง ตลอดจนเหรียญต่างๆ
ส่วนเหรียญหลวงปู่โต๊ะ ปี 2510 ที่เป็นเนื้อทองคำ ถูกจัดสร้างขึ้นไม่กี่เหรียญ ไม่น่าจะเกิน 20 เหรียญ และสร้างครั้งเดียว ทำให้เป็นเหรียญที่หายาก ซึ่งปัจจุบันหาเช่าบูชากันอยู่ประมาณ 10 ล้านบาท
เหรียญเจริญพร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
ส่วนอันดับ 10 คือ เหรียญเจริญพร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 เพื่อหาเงินไปสร้างศาลาการเปรียญ โดยคุณชินพร สุขสถิต ได้ขออนุญาต หลวงปู่ทิม สร้างจำนวน 20,000 เหรียญ แต่เนื่องจากในเวลาการจัดสร้างกระชั้นชิดมาก พอถึงวันที่กำหนดจะต้องนำไปให้หลวงปู่ทิมปลุกเสก ทำให้ปั๊มเหรียญได้ทั้งหมดเพียง 17,820 เหรียญ จึงให้ช่างหยุดปั๊มเพียงเท่านั้น โดยเหรียญที่จัดทำขึ้นแบ่งออกเป็นเนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ เนื้อชินตะกั่วและเนื้อทองแดง
สำหรับเหรียญเจริญพร เนื้อทองคำ สร้างขึ้นเพียง 16 เหรียญ จะเป็นเหรียญเจริญพรทั้งหมด โดยทุกเหรียญจะมีหมายเลขกำกับอยู่ด้านหลังเหรียญ ตั้งแต่ 1-16 และในซอกแขนขวาจะตอกโค๊ดตัว ท. ไว้ทุกเหรียญ หลวงปู่ทิมท่านได้ลงเหล็กจารให้ทุกเหรียญด้วย ตอนนี้มีหาเช่าบูชาในราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป
นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 อันดับเหรียญพระเครื่องทองคำที่มีความเก่าแก่ และเป็นที่นิยม สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณพิศาล เตชะวิภาค หรือ “อาจารย์ต้อย เมืองนนท์” รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย คนที่ 1 ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจ เกี่ยวกับสุดยอดพระเครื่องเนื้อทองคำในเมืองไทย เป็นอย่างสูง ส่วนเรื่องราวต่อไปจะเป็นเกี่ยวกับอะไรนั้น อยากให้ติดตามกันครับ
ที่มา : วารสารทองคำ ฉบับที่ 68 เดือน มกราคม - มีนาคม 2565